อัพเดท Google Workspace
Google I/O 2025: AI พลิกโลก! สุดเจ๋งที่คนทำงานต้องรู้!
งาน Google I/O 2025 ที่เพิ่งปิดฉากไป ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการผลักดันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อวิธีการทำงาน การดำเนินธุรกิจ และชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือการอัปเดต AI สำคัญที่คนทำงานและผู้ประกอบการต้องจับตามองและเตรียมพร้อมรับมือครับ Google AI Ultra แพ็กเกจ AI ครบวงจรสู่ความเป็นเลิศ Google ได้เปิดตัว “Google AI Ultra” แพ็กเกจบริการ AI ระดับพรีเมียม ที่รวมโมเดล AI และฟีเจอร์ชั้นนำทั้งหมดของ Google ไว้ในที่เดียว ทาง Google นิยามว่าเป็น “ตั๋วสู่อนาคต” แพ็กเกจนี้สนนราคาสำหรับสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ $249.99 (ประมาณ 8,100 บาท) ต่อเดือน ส่วนในประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 9,400 บาทต่อเดือน (หรือ 112,800 บาทต่อปี) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในแพ็กเกจ AI ที่มีราคาสูงที่สุดในตลาดขณะนี้ ผู้ใช้ Google AI Ultra จะได้รับความสามารถระดับสูง เช่น การใช้งาน AI อย่างกว้างขวาง, ฟีเจอร์ Deep Think ที่ช่วยให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น, และเข้าถึงโมเดล AI ล่าสุดอย่าง Veo 3, Flow, และ Imagen 4 รวมถึงสิทธิ์การใช้งาน Google Workspace ฟีเจอร์พรีเมียม, YouTube Premium และพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 30 TB Google AI Ultra เริ่มให้บริการแล้วในสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะเปิดให้สมัครในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า Gemini AI Pro แพลนเดิม อัดแน่นฟีเจอร์ใหม่เพื่อคนทำงาน แพ็กเกจ Google One หรือ Gemini Advanced เดิม ได้รับการรีแบรนด์เป็น “Gemini AI Pro” ในราคาเดิมที่ $19.99 (ประมาณ 750 บาท) ต่อเดือน ทำให้เป็นแพ็กเกจที่คนทำงานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เช่น Gemini App, Flow, Veo 2, NotebookLM, และ Gemini in Chrome นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรด Imagen 4 โมเดลสร้างรูปภาพให้มีความละเอียดคมชัดสูงขึ้น และสร้างข้อความในภาพได้แม่นยำ เหมาะสำหรับการสร้างภาพประกอบบทความ แบนเนอร์โฆษณา หรือรูปสินค้า ฟีเจอร์ Deep Research ได้รับการยกระดับให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดไฟล์ส่วนตัว เช่น PDF หรือรูปภาพ เพื่อให้ AI นำไปวิเคราะห์ประกอบการทำรายงานเชิงลึกได้ ช่วยสรุปข้อมูลจากเอกสารจำนวนมาก หรือดึงข้อมูลสำคัญจากอีเมลเพื่อประกอบการวางแผนธุรกิจ Canvas พื้นที่ทำงานสร้างสรรค์ก็ได้รับการปรับปรุง ให้สามารถสร้างคอนเทนต์แบบโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ อินโฟกราฟิก หรือสรุปเสียงสั้นๆ และยังสามารถแปลงคำสั่งเป็นโค้ดได้ ส่วน Gemini 2.5 Pro รองรับ Context Window ได้สูงสุดถึง 1 ล้านโทเค็น ทำให้สามารถประมวลผลข้อความ объемом เทียบเท่า 1,500 หน้า หรือโค้ด 30,000 บรรทัดพร้อมกัน เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการอัปโหลดโค้ดทั้งชุดเพื่อวิเคราะห์ แก้ไข หรือปรับปรุง Veo 3 และ Flow ปฏิวัติการสร้างสรรค์งานวิดีโอ Google เปิดตัว Veo 3 โมเดลสร้างวิดีโอขั้นสูงล่าสุด ที่มาพร้อมความสามารถในการสร้างเสียงประกอบเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับวิดีโอ ควบคู่กันนั้น Flow คือเครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ที่ออกแบบมาสำหรับโมเดลขั้นสูงของ Google (รวมถึง Veo, Imagen และ Gemini) ช่วยให้การสร้างคลิปวิดีโอและฉากที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย มีฟีเจอร์แนะนำ Prompt ที่เข้าใจง่าย ควบคุมมุมกล้องได้ละเอียด และ Scenebuilder สำหรับแก้ไขและต่อเติมฉากต่างๆ ให้มีความต่อเนื่องและสมจริง เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาด แบรนด์ และครีเอเตอร์สามารถผลิตโฆษณาสั้น คลิปโปรโมต หรือแม้แต่ภาพยนตร์โฆษณาขนาดย่อมได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทีมโปรดักชันขนาดใหญ่อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ผู้ใช้ Google AI Pro และ Google AI Ultra Plan ในสหรัฐอเมริกาทดลองใช้งานก่อน โดยผู้ใช้ AI Pro จะได้ใช้งานฟีเจอร์หลักของ Flow พร้อมจำนวนการสร้าง 100 ครั้งต่อเดือน ส่วนผู้ใช้ Ultra จะได้รับสิทธิ์การใช้งานที่สูงขึ้น และเข้าถึง Veo 3 พร้อมความสามารถในการสร้างเสียงได้ก่อน Google Meet แปลภาษาแบบเรียลไทม์ ทลายกำแพงการสื่อสาร การประชุมระดับนานาชาติจะสะดวกยิ่งขึ้น เมื่อ Google Meet เพิ่มความสามารถในการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีนี้สามารถจับคู่เสียง โทน และการแสดงออกของผู้พูดได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาในการประชุมกับพันธมิตรต่างชาติ ทำให้การเจรจาธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น การแปลภาษา “อังกฤษ-สเปน” กำลังเปิดให้ทดลองใช้งานในเวอร์ชันเบต้าสำหรับผู้สมัคร Google AI Pro และ Ultra และจะมีภาษาอื่นๆ ทยอยเพิ่มเข้ามาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนจะเปิดให้ลูกค้า Google Workspace Business ทดลองใช้งานในช่วงต้นปีหน้า Google Beam ยกระดับการสื่อสารจาก 2 มิติ สู่ประสบการณ์ 3 มิติ Google Beam คือแพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถแปลงวิดีโอ 2 มิติ ให้กลายเป็นภาพ 3 มิติบนจอแสดงผลที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ (พัฒนาร่วมกับ HP) เหมาะสำหรับการประชุมทางไกลที่ต้องการความรู้สึกสมจริงเสมือนการพบปะกันจริงๆ หรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าที่อยู่ห่างไกลได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า อุปกรณ์ Google Beam คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2025 Gemini Live AI ผู้ช่วยวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ Gemini Live เป็นฟีเจอร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์หน้าจอหรือภาพจากกล้องเพื่อให้ Gemini ช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น การเปิดกล้องให้ Gemini ช่วยวิเคราะห์แผนผังร้านค้าเพื่อปรับปรุงการจัดวางสินค้า ปัจจุบันฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Android ทุกคน และกำลังทยอยเปิดให้ใช้งานบน iOS Agent Mode AI ผู้ช่วยอัจฉริยะจัดการงานบนเว็บ ฟีเจอร์นี้พัฒนาจากงานวิจัย Project Mariner โดย Agent Mode ในแอป Gemini จะมีความสามารถในการโต้ตอบกับเว็บไซต์และทำงานแทนผู้ใช้ได้ เช่น การค้นหาห้องเช่าตามเงื่อนไขที่กำหนดบนเว็บไซต์ต่างๆ ปรับตัวกรอง และเข้าถึงข้อมูลจากเว็บ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ค้นหาและเว็บไซต์ที่ได้รับ traffic ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานในวงกว้างเร็วๆ นี้ ส่วน Agent Mode ในแอป Gemini เวอร์ชันทดลองจะเปิดให้ผู้สมัคร Google AI Pro และ Ultra ได้ใช้งานก่อนในเร็วๆ นี้ Gemini เชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์ม ไร้รอยต่อ Gemini จะขยายความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันอื่นๆ มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะใน Google Workspace แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันของบริษัทอื่นผ่าน MCP (Model Context Protocol) และ API ซึ่งจะทำให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น เช่น การสั่ง Gemini ใน Google Docs ให้สร้างสไลด์ PowerPoint จากเนื้อหาในเอกสาร Google ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและจะเปิดให้นักพัฒนาใช้งานผ่าน Gemini API Google Search ยกระดับสู่ AI Mode เพื่อการค้นหาที่ชาญฉลาดกว่าเดิม Google Search กำลังพัฒนาจาก AI Overview ไปสู่ AI Mode ที่ไม่ใช่เพียงการค้นหาข้อมูล แต่เป็นการให้ “ความชาญฉลาด” ด้วยโหมดการค้นหาใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เต็มรูปแบบ มีความสามารถในการให้เหตุผลที่ดีขึ้น ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ยาวและซับซ้อนกว่าเดิม (ยาวกว่าการค้นหาทั่วไป 2-3 เท่า) และยังสามารถถามคำถามต่อเนื่องได้ ทั้งหมดนี้จะอยู่ในแท็บใหม่บนหน้าผลการค้นหา ตัวอย่างเช่น จากเดิมที่ค้นหา “วิธีการสร้างเว็บไซต์” ผู้ใช้จะสามารถสั่งให้ AI “ช่วยสร้างแผนการตลาดสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ขายเสื้อผ้าเด็กเล็ก” และ AI จะจัดเตรียมข้อมูลและโครงสร้างเบื้องต้นมาให้ AI Mode กำลังเปิดให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยมี Gemini 2.5 เป็นขุมพลังเบื้องหลัง ส่วนในประเทศไทยคาดว่าจะได้ใช้งานในอนาคตอันใกล้ Personalized Smart Replies ใน Gmail: ตอบอีเมลอย่างเป็นธรรมชาติด้วย AI Gemini จะช่วยให้การตอบอีเมลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย AI จะสามารถเข้าถึงอีเมลเก่าๆ และไฟล์ใน Google Drive เพื่อเรียนรู้สไตล์การเขียนของผู้ใช้ ทำให้การตอบอีเมลทำได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ เสมือนผู้ใช้เป็นผู้ตอบเอง ฟีเจอร์นี้กำลังเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Gemini AI Pro และ Ultra รวมถึงผู้ใช้ Google Workspace ที่มี Add-on AI การเปิดตัวนวัตกรรม AI ชุดใหญ่ในงาน Google I/O 2025 ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะส่งผลต่อภูมิทัศน์การทำงานและธุรกิจในอนาคต ขณะนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนจะต้องปรับตัว เรียนรู้ และนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าครับ ข้อมูลจาก https://blog.google/products/google-one/google-ai-ultra/ และ https://blog.google/technology/ai/io-2025-keynote/
ชมวิดีโอได้ทันทีหลังอัปโหลด บน Google Drive
ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป! Google Drive เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ให้คุณรับชมวิดีโอได้ทันที หลังจากอัปโหลดเสร็จ บนเว็บ โดยไม่ต้องรอการประมวลผลไฟล์ให้เสร็จสิ้น ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ ฟีเจอร์นี้พร้อมให้บริการสำหรับ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดเก็บและเล่นวิดีโอใน Google Drive ได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือ
ยกระดับการทำงานเป็นทีมด้วย NotebookLM Plus
NotebookLM Plus เวอร์ชันใหม่ล่าสุด พร้อมให้บริการลูกค้า Google Workspace ที่ใช้ Gemini แล้ววันนี้ NotebookLM Plus มีอะไรใหม่ NotebookLM Plus ช่วยคุณได้อย่างไร เริ่มต้นใช้งาน NotebookLM Plus พร้อมให้บริการสำหรับลูกค้า Google Workspace ที่มี Add-on เหล่านี้: ปลดล็อกศักยภาพของ AI และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย NotebookLM Plus
พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานทั่วโลกได้อย่างราบรื่นด้วยฟีเจอร์แปลภาษาอัตโนมัติใน Google Chat
Google Chat เพิ่มฟีเจอร์ “แปลภาษาให้ฉัน” ที่ช่วยให้การสื่อสารกับทีมงานทั่วโลกเป็นเรื่องง่าย แม้จะพูดคนละภาษา แปลภาษาได้มากกว่า 120 ภาษา วิธีเปิดใช้งาน หมายเหตุ ฟีเจอร์นี้พร้อมให้บริการสำหรับลูกค้า Google Workspace ที่มี Add-on เหล่านี้: เริ่มต้นการสื่อสารไร้พรมแดนด้วย Google Chat วันนี้!
การปรับปรุงการกล่าวถึง (Mentions) ใน Google Chat
เราเข้าใจว่าอาจมีบางสถานการณ์ที่คุณต้องการอ้างถึงบุคคลด้วย @mention โดยไม่ต้องการเพิ่มบุคคลนั้นเข้าไปในบทสนทนาใน Google Chat เริ่มตั้งแต่วันนี้ เมื่อคุณกล่าวถึงผู้ใช้ที่ยังไม่ได้อยู่ในบทสนทนา คุณจะมีตัวเลือกในการเพิ่มบุคคลนั้นและส่งข้อความ หรือเพียงแค่ส่งข้อความโดยไม่เพิ่มบุคคลนั้น นอกจากนี้ เรายังได้เพิ่มการปรับปรุงภาพลักษณ์โดยการแสดง @mention เป็นชิปอัจฉริยะ (smart chips) ซึ่งสอดคล้องกับชิปไดรฟ์ (Drive chips) ใน Chat และชิปอัจฉริยะทั่วทั้ง Workspace มากขึ้น ด้วยสีสันที่เรียบง่าย การกล่าวถึงส่วนบุคคลของคุณจะยังคงโดดเด่นที่สุดและสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายในบทสนทนา หน้าแรก (Home) และแท็บกล่าวถึง (Mentions) บนเว็บ เมื่อเลื่อนเมาส์ไปวางเหนือชิป จะแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลนั้น และเมื่อคลิกที่ชิป จะเริ่มข้อความส่วนตัวแบบ 1:1 กับบุคคลนั้น เหตุผลที่คุณควรใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความยุ่งยากให้กับผู้ใช้ โดยทำให้การระบุบริบทขณะเขียนข้อความง่ายขึ้น เริ่มต้นใช้งาน ผู้ดูแลระบบ: ไม่มีการควบคุมของผู้ดูแลระบบสำหรับฟีเจอร์นี้ผู้ใช้ทั่วไป:บนเว็บ ไปที่ chat.google.com หรือ Chat ใน Gmail แล้วพิมพ์ “@[ชื่อหรือที่อยู่อีเมลของบุคคล]” เพื่อกล่าวถึงบุคคลนั้น ฟังก์ชันนี้รองรับในข้อความส่วนตัวแบบ 1:1 ข้อความส่วนกลุ่ม และพื้นที่ทำงาน (spaces)โปรดทราบว่า คุณสามารถเพิ่มสมาชิกเข้าในบทสนทนาได้เฉพาะในข้อความส่วนกลุ่มและพื้นที่ทำงานเท่านั้น ในข้อความส่วนตัวแบบ 1:1 เมื่อคุณกล่าวถึงบุคคลใด บุคคลนั้นจะถือเป็นการอ้างอิงและไม่ได้ถูกเพิ่มโดยตรงฟังก์ชันนี้จะเปิดให้ใช้งานบนอุปกรณ์ Android และ iOS ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568เยี่ยมชมศูนย์ช่วยเหลือเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการกล่าวถึงบุคคลหรือการเพิ่มบุคคลลงในข้อความ การเปิดให้ใช้งาน การใช้งาน พร้อมให้บริการสำหรับลูกค้า Google Workspace ทั้งหมด ผู้สมัครใช้งาน Workspace แบบส่วนบุคคล และผู้ใช้ที่มีบัญชี Google ส่วนบุคคล
สร้างเอกสารคุณภาพสูงได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยเทมเพลตใหม่ 40 แบบใน Google Docs
Google Docs ได้เปิดตัวเทมเพลตใหม่ 40 แบบ ที่มีดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย และช่วยให้คุณสร้างเอกสารได้อย่างมืออาชีพ เทมเพลตใหม่นี้มีอะไรบ้าง เริ่มต้นใช้งาน
ก้าวสู่ยุคใหม่ของ AI กับ Gemini 2.0: ผู้ช่วยอัจฉริยะที่พร้อมทำงานให้คุณ
Sundar Pichai ซีอีโอของ Google และ Alphabet ได้ประกาศเปิดตัว Gemini 2.0 โมเดล AI ล่าสุดที่จะปฏิวัติวิธีที่เราเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูล Gemini 2.0 คืออะไร Gemini 2.0 คือโมเดล AI ล่าสุดจาก Google พัฒนาต่อยอดจาก Gemini 1.0 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ล้ำหน้ากว่า Gemini 1.5 Pro ด้วยความสามารถในการสร้างรูปภาพและเสียง รวมถึงการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้ นับเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ AI ที่สามารถเข้าใจ ประมวลผล และโต้ตอบกับข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลายยิ่งขึ้น Gemini 2.0 จึงเป็นมากกว่าผู้ช่วย แต่เป็นเหมือน “ตัวแทน” ที่พร้อมทำงานให้คุณอย่างชาญฉลาด โดย Gemini 2.0 มาพร้อมความสามารถใหม่ ๆ เช่น Gemini 2.0 จะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง Gemini 2.0 พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้ นักพัฒนาและผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้สามารถเข้าถึง Gemini 2.0 ได้แล้ววันนี้ และ Google กำลังเร่งนำ Gemini 2.0 ไปใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเริ่มจาก Gemini และ Search คุณสมบัติใหม่ ๆ ใน Gemini อนาคตของ AI กับ Gemini 2.0 Gemini 2.0 เป็นก้าวสำคัญสู่ยุคใหม่ของ AI ที่ AI จะกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลัง ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
จัดการ Rubrics ใน Google Classroom ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นด้วย Classroom API
Classroom API ช่วยให้เหล่านักพัฒนาสามารถจัดการชั้นเรียน รายชื่อนักเรียน คำเชิญ และอื่น ๆ อีกมากมายใน Google Classroom ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นักพัฒนายังไม่สามารถจัดการ rubrics สำหรับการให้คะแนนงานของนักเรียนได้ วันนี้ Google มีข่าวดี! เราได้อัปเดต Classroom API เพื่อให้นักพัฒนาสามารถ จัดการ rubrics สำหรับงานที่มอบหมายได้แล้ว นักพัฒนาสามารถทำอะไรได้บ้าง ประโยชน์ที่ได้รับ เริ่มต้นใช้งาน
ข่าวดีสำหรับนักการศึกษา! Gemini LTI™ ผู้ช่วย AI สุดล้ำ พร้อมยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ใน LMS
Gemini LTI™ ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถผสานรวมเข้ากับระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) จากผู้ให้บริการรายอื่น ได้อย่างราบรื่น Gemini LTI™ ช่วยยกระดับประสบการณ์การศึกษาสำหรับทั้งนักการศึกษาและนักเรียน ด้วยการมอบเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายในสภาพแวดล้อม LMS โดยในเบื้องต้น Gemini LTI™ จะทำงานร่วมกับ Canvas by Instructure และ Powerschool Schoology Learning Gemini LTI™ ช่วยคุณได้อย่างไร Google มุ่งมั่นที่จะทำให้ AI เป็นประโยชน์สำหรับทุกคน ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน การนำ Gemini มาสู่เครื่องมือ LMS จะช่วยให้นักการศึกษาเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวาและน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักการศึกษาสามารถใช้เครื่องมือ AI เพื่อ: นักเรียนสามารถเสริมสร้างสิ่งที่พวกเขากำลังเรียนรู้ในห้องเรียน หรือสำรวจหัวข้อใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับ AI: รายละเอียดเพิ่มเติม Gemini LTI™ เป็นส่วนหนึ่งของ Google Workspace LTI ชุดเครื่องมือ LTI™ ของเรา ซึ่งรวมถึง Assignments LTI™, Google Drive LTI™ และ Google Meet LTI™ เยี่ยมชมศูนย์ช่วยเหลือของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Workspace LTI™
Huddles: การประชุมแบบเสียงใน Google Chat
Huddles ขับเคลื่อนโดย Google Meet ช่วยให้คุณเริ่มการประชุมแบบเสียง ทำให้การทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ง่ายกว่าที่เคย เมื่อเริ่ม Huddle แล้ว คุณสามารถปรับขนาดหรือลากหน้าต่าง เพิ่มวิดีโอ หรือแชร์หน้าจอเพื่อประสบการณ์การประชุมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมกับทำงานหลายอย่างพร้อมกันใน Chat ได้ Huddles มอบประสบการณ์การทำงานร่วมกันที่ราบรื่นระหว่าง Chat และ Meet และมีประโยชน์ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น เพื่อนร่วมงานสองคนต้องการพูดคุยกันอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับโครงการที่พวกเขากำลังส่งข้อความถึงกันใน Chat Huddles ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการประชุมสำหรับพนักงานแบบไฮบริด และไม่จำเป็นต้องสนทนาผ่านอีเมลหรือใน Chat ที่ยาวเหยียดอีกต่อไป แทนที่จะต้องออกจากการสนทนาและเข้าร่วมการประชุม Huddles ผสานรวมเข้ากับประสบการณ์การใช้ Chat ได้โดยตรงและราบรื่น รูปแบบของ Huddles ยังรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกันใน Chat เนื่องจากคุณสามารถปรับขนาดหรือแชร์หน้าจอได้อย่างง่ายดาย รายละเอียดเพิ่มเติม ปุ่มวิดีโอ Meet ที่อยู่ในแถบเขียนข้อความของ Chat จะย้ายไปที่ส่วนหัวของ Chat ทำให้คุณมีตัวเลือกมากมาย เช่น โทรศัพท์ เริ่ม Huddle หรือแชร์ลิงก์ Meet ผ่านจุดเริ่มต้นเดียว