Blog

Google I/O 2025: AI พลิกโลก! สุดเจ๋งที่คนทำงานต้องรู้!

Google I/O 2025: AI พลิกโลก! สุดเจ๋งที่คนทำงานต้องรู้!

งาน Google I/O 2025 ที่เพิ่งปิดฉากไป ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการผลักดันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อวิธีการทำงาน การดำเนินธุรกิจ และชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือการอัปเดต AI สำคัญที่คนทำงานและผู้ประกอบการต้องจับตามองและเตรียมพร้อมรับมือครับ

Google AI Ultra แพ็กเกจ AI ครบวงจรสู่ความเป็นเลิศ

Google ได้เปิดตัว “Google AI Ultra” แพ็กเกจบริการ AI ระดับพรีเมียม ที่รวมโมเดล AI และฟีเจอร์ชั้นนำทั้งหมดของ Google ไว้ในที่เดียว ทาง Google นิยามว่าเป็น “ตั๋วสู่อนาคต” แพ็กเกจนี้สนนราคาสำหรับสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ $249.99 (ประมาณ 8,100 บาท) ต่อเดือน ส่วนในประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 9,400 บาทต่อเดือน (หรือ 112,800 บาทต่อปี) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในแพ็กเกจ AI ที่มีราคาสูงที่สุดในตลาดขณะนี้ ผู้ใช้ Google AI Ultra จะได้รับความสามารถระดับสูง เช่น การใช้งาน AI อย่างกว้างขวาง, ฟีเจอร์ Deep Think ที่ช่วยให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น, และเข้าถึงโมเดล AI ล่าสุดอย่าง Veo 3, Flow, และ Imagen 4 รวมถึงสิทธิ์การใช้งาน Google Workspace ฟีเจอร์พรีเมียม, YouTube Premium และพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 30 TB Google AI Ultra เริ่มให้บริการแล้วในสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะเปิดให้สมัครในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

Gemini AI Pro แพลนเดิม อัดแน่นฟีเจอร์ใหม่เพื่อคนทำงาน

Screenshot

แพ็กเกจ Google One หรือ Gemini Advanced เดิม ได้รับการรีแบรนด์เป็น “Gemini AI Pro” ในราคาเดิมที่ $19.99 (ประมาณ 750 บาท) ต่อเดือน ทำให้เป็นแพ็กเกจที่คนทำงานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เช่น Gemini App, Flow, Veo 2, NotebookLM, และ Gemini in Chrome นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรด Imagen 4 โมเดลสร้างรูปภาพให้มีความละเอียดคมชัดสูงขึ้น และสร้างข้อความในภาพได้แม่นยำ เหมาะสำหรับการสร้างภาพประกอบบทความ แบนเนอร์โฆษณา หรือรูปสินค้า ฟีเจอร์ Deep Research ได้รับการยกระดับให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดไฟล์ส่วนตัว เช่น PDF หรือรูปภาพ เพื่อให้ AI นำไปวิเคราะห์ประกอบการทำรายงานเชิงลึกได้ ช่วยสรุปข้อมูลจากเอกสารจำนวนมาก หรือดึงข้อมูลสำคัญจากอีเมลเพื่อประกอบการวางแผนธุรกิจ Canvas พื้นที่ทำงานสร้างสรรค์ก็ได้รับการปรับปรุง ให้สามารถสร้างคอนเทนต์แบบโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ อินโฟกราฟิก หรือสรุปเสียงสั้นๆ และยังสามารถแปลงคำสั่งเป็นโค้ดได้ ส่วน Gemini 2.5 Pro รองรับ Context Window ได้สูงสุดถึง 1 ล้านโทเค็น ทำให้สามารถประมวลผลข้อความ объемом เทียบเท่า 1,500 หน้า หรือโค้ด 30,000 บรรทัดพร้อมกัน เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการอัปโหลดโค้ดทั้งชุดเพื่อวิเคราะห์ แก้ไข หรือปรับปรุง

Veo 3 และ Flow ปฏิวัติการสร้างสรรค์งานวิดีโอ

Google เปิดตัว Veo 3 โมเดลสร้างวิดีโอขั้นสูงล่าสุด ที่มาพร้อมความสามารถในการสร้างเสียงประกอบเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับวิดีโอ ควบคู่กันนั้น Flow คือเครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ที่ออกแบบมาสำหรับโมเดลขั้นสูงของ Google (รวมถึง Veo, Imagen และ Gemini) ช่วยให้การสร้างคลิปวิดีโอและฉากที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย มีฟีเจอร์แนะนำ Prompt ที่เข้าใจง่าย ควบคุมมุมกล้องได้ละเอียด และ Scenebuilder สำหรับแก้ไขและต่อเติมฉากต่างๆ ให้มีความต่อเนื่องและสมจริง เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาด แบรนด์ และครีเอเตอร์สามารถผลิตโฆษณาสั้น คลิปโปรโมต หรือแม้แต่ภาพยนตร์โฆษณาขนาดย่อมได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทีมโปรดักชันขนาดใหญ่อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ผู้ใช้ Google AI Pro และ Google AI Ultra Plan ในสหรัฐอเมริกาทดลองใช้งานก่อน โดยผู้ใช้ AI Pro จะได้ใช้งานฟีเจอร์หลักของ Flow พร้อมจำนวนการสร้าง 100 ครั้งต่อเดือน ส่วนผู้ใช้ Ultra จะได้รับสิทธิ์การใช้งานที่สูงขึ้น และเข้าถึง Veo 3 พร้อมความสามารถในการสร้างเสียงได้ก่อน

Google Meet แปลภาษาแบบเรียลไทม์ ทลายกำแพงการสื่อสาร

การประชุมระดับนานาชาติจะสะดวกยิ่งขึ้น เมื่อ Google Meet เพิ่มความสามารถในการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีนี้สามารถจับคู่เสียง โทน และการแสดงออกของผู้พูดได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาในการประชุมกับพันธมิตรต่างชาติ ทำให้การเจรจาธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น การแปลภาษา “อังกฤษ-สเปน” กำลังเปิดให้ทดลองใช้งานในเวอร์ชันเบต้าสำหรับผู้สมัคร Google AI Pro และ Ultra และจะมีภาษาอื่นๆ ทยอยเพิ่มเข้ามาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนจะเปิดให้ลูกค้า Google Workspace Business ทดลองใช้งานในช่วงต้นปีหน้า

Google Beam ยกระดับการสื่อสารจาก 2 มิติ สู่ประสบการณ์ 3 มิติ

Google Beam คือแพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสามารถแปลงวิดีโอ 2 มิติ ให้กลายเป็นภาพ 3 มิติบนจอแสดงผลที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ (พัฒนาร่วมกับ HP) เหมาะสำหรับการประชุมทางไกลที่ต้องการความรู้สึกสมจริงเสมือนการพบปะกันจริงๆ หรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าที่อยู่ห่างไกลได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า อุปกรณ์ Google Beam คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2025

Gemini Live AI ผู้ช่วยวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์

Gemini Live เป็นฟีเจอร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้แชร์หน้าจอหรือภาพจากกล้องเพื่อให้ Gemini ช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น การเปิดกล้องให้ Gemini ช่วยวิเคราะห์แผนผังร้านค้าเพื่อปรับปรุงการจัดวางสินค้า ปัจจุบันฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Android ทุกคน และกำลังทยอยเปิดให้ใช้งานบน iOS

Agent Mode AI ผู้ช่วยอัจฉริยะจัดการงานบนเว็บ

ฟีเจอร์นี้พัฒนาจากงานวิจัย Project Mariner โดย Agent Mode ในแอป Gemini จะมีความสามารถในการโต้ตอบกับเว็บไซต์และทำงานแทนผู้ใช้ได้ เช่น การค้นหาห้องเช่าตามเงื่อนไขที่กำหนดบนเว็บไซต์ต่างๆ ปรับตัวกรอง และเข้าถึงข้อมูลจากเว็บ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ค้นหาและเว็บไซต์ที่ได้รับ traffic ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานในวงกว้างเร็วๆ นี้ ส่วน Agent Mode ในแอป Gemini เวอร์ชันทดลองจะเปิดให้ผู้สมัคร Google AI Pro และ Ultra ได้ใช้งานก่อนในเร็วๆ นี้

Gemini เชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์ม ไร้รอยต่อ

Gemini จะขยายความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันอื่นๆ มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะใน Google Workspace แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันของบริษัทอื่นผ่าน MCP (Model Context Protocol) และ API ซึ่งจะทำให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น เช่น การสั่ง Gemini ใน Google Docs ให้สร้างสไลด์ PowerPoint จากเนื้อหาในเอกสาร Google ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและจะเปิดให้นักพัฒนาใช้งานผ่าน Gemini API

Google Search ยกระดับสู่ AI Mode เพื่อการค้นหาที่ชาญฉลาดกว่าเดิม

Google Search กำลังพัฒนาจาก AI Overview ไปสู่ AI Mode ที่ไม่ใช่เพียงการค้นหาข้อมูล แต่เป็นการให้ “ความชาญฉลาด” ด้วยโหมดการค้นหาใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เต็มรูปแบบ มีความสามารถในการให้เหตุผลที่ดีขึ้น ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ยาวและซับซ้อนกว่าเดิม (ยาวกว่าการค้นหาทั่วไป 2-3 เท่า) และยังสามารถถามคำถามต่อเนื่องได้ ทั้งหมดนี้จะอยู่ในแท็บใหม่บนหน้าผลการค้นหา ตัวอย่างเช่น จากเดิมที่ค้นหา “วิธีการสร้างเว็บไซต์” ผู้ใช้จะสามารถสั่งให้ AI “ช่วยสร้างแผนการตลาดสำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ขายเสื้อผ้าเด็กเล็ก” และ AI จะจัดเตรียมข้อมูลและโครงสร้างเบื้องต้นมาให้ AI Mode กำลังเปิดให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยมี Gemini 2.5 เป็นขุมพลังเบื้องหลัง ส่วนในประเทศไทยคาดว่าจะได้ใช้งานในอนาคตอันใกล้

Personalized Smart Replies ใน Gmail: ตอบอีเมลอย่างเป็นธรรมชาติด้วย AI

Gemini จะช่วยให้การตอบอีเมลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย AI จะสามารถเข้าถึงอีเมลเก่าๆ และไฟล์ใน Google Drive เพื่อเรียนรู้สไตล์การเขียนของผู้ใช้ ทำให้การตอบอีเมลทำได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ เสมือนผู้ใช้เป็นผู้ตอบเอง ฟีเจอร์นี้กำลังเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Gemini AI Pro และ Ultra รวมถึงผู้ใช้ Google Workspace ที่มี Add-on AI

การเปิดตัวนวัตกรรม AI ชุดใหญ่ในงาน Google I/O 2025 ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะส่งผลต่อภูมิทัศน์การทำงานและธุรกิจในอนาคต ขณะนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนจะต้องปรับตัว เรียนรู้ และนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าครับ

ข้อมูลจาก https://blog.google/products/google-one/google-ai-ultra/ และ https://blog.google/technology/ai/io-2025-keynote/